ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การปิดรอยแผลเป็นด้วยการสักคิ้ว
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าการศัลยกรรมถือว่าเป็นอาร์ทอีกนึงอย่างที่น่าสนใจมากๆ ทำไมหมอบางท่านถึงคิวยาวข้ามปีราคาสูงมากๆ น่าจะยกให้กับหมอท่านที่มี Art+ Science ค่ะ จึงทำให้เกิดกระแสตอบรับที่ดีมาก การครีเอท งานศัลยกรรมของคุณหมอมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเปิดหัวตาให้กว้างขึ้น ศัลยกรรมยกคิ้วให้ดูอ่อนเยาว์ ตาจะดูโตขึ้น แต่ไม่มีแผลเป็นที่เปลือกตา (สมัยก่อนจะมีแค่กรีดตาสองชั้นเท่านั้น) การแก้ไม่ให้หนังตาตกด้วยการตัดหนังใต้คิ้วแล้วเย็บซ่อนแผลเป็นใต้คิ้ว ทำให้ตาดูโตขึ้น โดยไม่ต้องไปผ่าตัดที่เปลือกตาจริงๆ
ซึ่งก็ช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้น แต่ปัญหาแผลเป็นที่เย็บซ่อนไว้ใต้คิ้วจะตามมาหาช่างทำคิ้วกันแล้วสิทีนี้ เพราการเป็นแผลใต้คิ้วถึงแม้จะเล็กมาก แต่มันก็เป็นแนวยาวตลอดใต้ท้องคิ้ว และบางครั้งแผลไม่เล็กด้วย! เจ้าของคิ้วจึงมักจะแจ้งเสมอว่าอยากให้สักคิ้วปิดรอยแผลเป็นนี่ด้วยค่ะ! เราเมื่อได้โจทย์มากแบบนี้ต้องพยายามบังรอยแผลเป็นให้ลูกค้ากันเต็มที่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด แต่คุณหมออาจไม่ทราบว่าเมื่อผิวที่เกิดแผลเป็นแล้วสภาพผิวมันเปลี่ยนไป การสักคิ้ว สีที่ติดบนแผลเป็นจะติดผิดเพี้ยนไป ความยืดหยุ่นของผิวไม่มี ก็ส่งผลให้งานคิ้วตรงแผลเป็นดูแข็งไปด้วย และบ้างครั้งแผลนั้นยาวเหลือเกิน ทำให้ก็ต้องหัวหมุนกันไม่น้อย
และอาทิตย์ที่แล้วก็ต้องตกใจกันไปอีก เมื่อเจอเคสที่ลูกค้ามีการผ่าตัดยกคิ้วด้วยการสร้างรอยแผลเป็นเหนือคิ้วคนไข้ไปเลย เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ยกจนทรงคิ้วดูผิดรูปไปหมด แถมสั่งคนไข้ว่าไปสักคิ้วปิดรอยแผลเป็นได้นะ โอ้ว พระเจ้าช่วย อยากจะโทรไปบอกคุณหมอท่านนั้นจริงๆ ว่า คุณหมอจ๋า การสักคิ้วมันมีข้อจำกัดนะคะ เพราะไม่ใช่ว่าจะให้รอยสักคิ้วอยู่สูงขึ้นไปขนาดนั้นได้ค่ะ หน้าตามันจะแปลกประหลาดขนาดไหน และที่สำคัญคือเมื่อเจ้าของคิ้วยกคิ้ว ขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วกับรอยสักมันคนละที่กันค่ะ นึกภาพไม่ออกจริงๆ ถ้าขมวดคิ้วหรือเลิกคิ้วแล้ว คิ้วที่สักไม่ขยับเลย จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของคิ้วคู่นั้น ขอหายาดมก่อนค่ะ
