สักคิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร 2 มิติ แตกต่างกันอย่างไร
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ที่สุดแห่งความประณีต เพื่อคิ้ว 3 มิติที่สมบูรณ์แบบของเอดีน่า
ในปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจในการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรูปร่างโดยการออกกำลังกาย การกินอาหาร รวมไปถึงการแต่งหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งถ้าพูดถึงการแต่งหน้าแล้ว สิ่งที่เป็นเรื่องกังวลใจให้สาวๆ หลายคนมากที่สุด ก็คือการเขียนคิ้ว เพราะคิ้วถือเป็นมงกุฎของใบหน้าเลยก็ว่าได้
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
หลายคนอาจจะมองว่าการเขียนคิ้วนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่จริงๆ แล้ว การจะเขียนคิ้วให้ได้รูปทรงที่สวยงามและถูกใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ซึ่งทางออกสำหรับหลายๆ คน ก็คือการเลือกที่จะไปสักคิ้ว 3 มิติ เพื่อให้ได้คิ้วที่สวยงามตามความต้องการนั่นเอง
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ที่มาของการสักคิ้ว 3 มิติ
การสักคิ้ว 3 มิติมีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ โดยใช้วิธีการวาดลายเส้นคิ้วทีละเส้น เพื่อให้ดูเหมือนเป็นการเพิ่มเส้นขนคิ้ว จนเกิดเป็นลายเส้นคิ้วเรียวเล็กเสมือนจริงในแนวขนคิ้วเดิม มากไปกว่านั้นการสักคิ้ว 3 มิติ ดังกล่าวยังช่วยแก้ไขรูปคิ้ว และภาพรวมของใบหน้าให้ดูสวยงามมากขึ้นอีกด้วย
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
จากสักคิ้วถาวรสู่การสักคิ้ว 3 มิติ เพื่อความงามที่เหนือกว่า
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ให้ความสนใจหรือศึกษาเกี่ยวกับการสักคิ้ว 3 มิติอาจจะไม่ทราบความแตกต่างระหว่างการสักคิ้ว 3 มิติและการสักคิ้วถาวร ซึ่งหากมองดีๆ จะสังเกตเห็นว่า การสักคิ้ว 3 มิติให้ความรู้สึกว่าคิ้วมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการสักคิ้วถาวร เพราะเทคนิคที่ใช้ในการสักคิ้ว 3 มิตินั้น เป็นเทคนิคเดียวกันกับการวาดลายเส้น เสมือนวาดเส้นขนคิ้วทีละเส้นลงในใบหน้าจริงๆ ของเรา ให้มีความพริ้วไหวสวยงาม ประหนึ่งศิลปินวาดรูปลงบนกระดาษ แตกต่างจากการสักคิ้วถาวรที่เป็นการวาดรูปทรงคิ้วที่ต้องการแล้วระบายสีลงไป จนทำให้คิ้วมีความแข็งทื่อ ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนการสักคิ้ว 3 มิติ
สักคิ้ว 3 มิติ แล้วคิ้วสวยปังได้นานขนาดไหน
การสักคิ้ว 3 มิตินั้น สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งโดยปกติแล้วการสักคิ้ว 3 มิติจะอยู่ได้นาน 1-2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาหลังการสักคิ้ว 3 มิติของแต่ละคนด้วย
สักคิ้ว 3 มิติ สวยสั่งได้โดยผู้เชี่ยวชาญ
การสักคิ้ว 3 มิติ เพื่อให้ได้ทรงคิ้วที่สวยงามและเหมาะกับรูปหน้านั้น ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อให้การสักคิ้ว 3 มิตินั้น ได้ทรงคิ้วที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน ให้คิ้วดูสวยงาม ไม่แปลกตาหลังสักคิ้ว 3 มิติแล้ว
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิวัฒนาการความงามของคิ้ว กว่าจะเป็นสักคิ้ว 3 มิติ
จะเห็นได้ว่าการสักคิ้วถาวร 2 มิติที่เคยเป็นที่นิยมเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา มีความนิยมลดลงไป เนื่องจากกการสักคิ้วถาวร 2 มิติจะไม่มีความเป็นธรรมชาติ ลายเส้นคิ้วดูแข็งหลอกตา ดูไม่ทันสมัย นอกจากนี้ปัญหาที่พบในการสักคิ้วถาวร 2 มิติส่วนใหญ่คือ สีคิ้วมีการเปลี่ยนสีไปจากตอนที่สักใหม่ๆ มาก บ้างเป็นสีแดง บ้างเป็นสีฟ้า และบ้างก็เป็นสีเขียวเข้มไปเลย เพราะสมัยก่อน การสักคิ้วถาวร 2 มิติสมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยม วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำสีสักคิ้วถาวร 2 มิติมีจึงค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องนำเอาสีสักตัวมาเป็นสีสักคิ้วถาวร 2 มิติ ส่งผลให้การสักคิ้วถาวร 2 มิติจะไม่สามารถเอาออกหรือลบออกได้ง่ายๆ จึงไม่เป็นที่ตอบโจทย์ของคนยุคปัจจุบันเท่าสักคิ้ว 3 มิติ
ความสวยที่แตกต่างระหว่างการสักคิ้วถาวร 2 มิติกับการสักคิ้ว 3 มิติ
ภาพจำลองความสวยที่แตกต่างระหว่างการสักคิ้วถาวร 2 มิติกับการสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่า
ภาพจำลองการสักคิ้วถาวร 2 มิติ ในแบบอดีต
ภาพแสดงการสักคิ้ว 3 มิติ ในแบบเอดีน่า
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น เอดีน่าจะสรุปความแตกต่างระหว่างการสักคิ้วถาวร 2 มิติ กับการสักคิ้ว 3 มิติ ดังนี้
1.เทคนิคที่ใช้ในการสักคิ้วถาวร 2 มิติต่างจากสักคิ้ว 3 มิติ เนื่องจากการสักคิ้วถาวร 2 มิติเหมือนการระบายสีในช่องว่างให้เต็ม ความเข้มของสีจะเท่ากันหมดทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่การสักคิ้ว 3 มิติ คือการวาดลายเส้นขึ้นมาให้เหมือนวาดงานศิลปะ สร้างความเป็นธรรมชาติเสมือนขนคิ้วจริงๆ
2.การสักคิ้วถาวร 2 มิติเป็นการทำให้คิ้วทึบไม่มีลายเส้นของขนคิ้ว แต่ขณะที่การสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่า เป็นการทำคิ้วแบบลายเส้น โดยใช้แสงและเงาช่วยให้เกิดมิติ ซึ่งทำให้คิ้วดูมีมิติเสมือนคิ้วจริงมากกว่า
อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการสักคิ้ว ทั้งการสักคิ้วถาวร 2 มิติและการสักคิ้ว 3 มิติ คือการออกแบบรูปทรงคิ้วให้เหมาะสม สวยงาม ซึ่งการออกแบบคิ้วสำหรับการสักคิ้ว 3 มิตินั้น ผู้ออกแบบจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชียวชาญเรื่องลายเส้นและ Anatomy หรือสรีระวิทยา ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบทรงคิ้ว หากผู้ออกแบบทรงคิ้วมีประสบการณ์ก็จะสามารถมองรูปหน้าของผู้รับบริการออกว่า ลูกค้าเหมาะกับทรงคิ้วแบบใดจึงได้ทรงคิ้วที่เป็นธรรมชาติที่สุด จึงสามารถช่วยแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดีและมีเอกลักษณ์
จุดเด่นโดนใจในให้บริการคิ้ว 3 มิติของเอดีน่า
เอดีน่า ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการบริการ โดยเราได้สร้างวิธีการทำงานอย่างมืออาชีพ ด้วยการจัดแบ่งการบริการตามความชำนาญเฉพาะด้านของผู้ให้บริการ (Professional Duo) โดยพนักงานของเอดีน่าทุกคนที่ทำหน้าที่วาดเส้นคิ้วจะต้องจบการศึกษาทางด้านศิลปกรรม เนื่องจากผ่านการเรียนวาดภาพ (Drawing) มาก่อน เพราะต้องเข้าใจรายละเอียดของใบหน้าอย่างถ่องแท้ และมีความชำนาญในเรื่องการคุมแสงและเงามากกว่าคนทั่วไป ทำให้สามารถวาดรูปคิ้วที่เหมาะกับโครงหน้าของผู้รับบริการแต่ละท่านได้ สำหรับพนักงานที่ทำหน้าที่สักคิ้ว 3 มิติ เอดีน่าได้คัดสรรบุคคลากรทางการแพทย์มาโดยเฉพาะ เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะมีทักษะและความรู้ในเรื่องการใช้ยา การรักษาความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับผู้รับบริการเมื่อเกิดอาการแพ้ โดยทั้งสองหน้าที่นี้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้เกิดเป็นคิ้ว 3 มิติที่เหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละบุคคล
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
และด้วยประสบการณ์ในการทำคิ้วมากกว่า 20 ปีของอาจารย์เอ ทำให้เอดีน่าก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการสักคิ้ว 3 มิติ เนื่องด้วยเทคนิคการสักคิ้ว 3 มิติแบบให้แสงและเงาที่แตกต่างจากคนอื่น การสักคิ้ว 3 มิติของเอดีจึงมีจุดเด่นอยู่ที่ลายเส้นขนคิ้วมีขนาดเล็ก เบา และมีสีที่คมชัดกว่า แต่ยังคงความพลิ้วสวย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ มากไปกว่านั้นก่อนที่จะทำการสักคิ้ว 3 มิติ ทางเอดีน่าจะมีการพิจารณาลักษณะโครงกระดูกบนใบหน้า รวมถึงสีผิวของลูกค้าก่อนจะลงมือวาดคิ้ว นอกจากนี้ เอดีน่ายังให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าด้วย โดยนำทั้งความต้องการของลูกค้า และเทคนิคการสักคิ้วเฉพาะทางของเอดีน่ามาผสมผสาน เพื่อให้ได้คิ้ว 3 มิติที่เหมาะสมที่สุดกับลูกค้าแต่ละท่าน ฉะนั้น การสักคิ้ว 3 มิติให้กับลูกค้าแต่ละคน จึงไม่มีรูปแบบตายตัวว่าโครงหน้ากลมต้องคิ้วเหลี่ยม หรือโค้งหน้าเหลี่ยมต้องคิ้วโค้ง แต่จะดูจากความเป็นจริงและโครงหน้าของแต่ละคนทุกครั้งก่อนดำเนินการสักคิ้ว 3 มิติ ดังนั้น คิ้วที่ออกมานั้นจึงเหมือนเป็นเอกลักษณ์ของคนนั้นแค่เพียงคนเดียวมากกว่า
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
เข็มสักและหมึกสี หัวใจสำคัญของการสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่า
เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและหลักอนามัยที่ถูกต้องเอดีน่าจึงให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ในการสักคิ้ว 3 มิติ ซึ่งได้แก่ เข็มสักและหมึกสี โดยเข็มสักคิ้วทุกอันของเอดีน่าจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ไม่ใช้ซ้ำ คือ เข็มสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่าจะใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง
2.ต้องเป็นเข็มที่มีความหนาและความยาวพอดีเพราะขนาดความยาวของเข็มจะส่งผลต่อการลงน้ำหนักของการสักคิ้ว 3 มิติ
3.เข็มทุกเล่มสำหรับการสักคิ้ว 3 มิติจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อก่อนใช้งานทุกครั้ง ฉะนั้นเข็มจะต้องบรรจุอยู่ในซองที่ปิดผนึกไว้อย่างดี โดยไม่ฉีกขาดก่อนการใช้งาน
4.เพื่อให้ได้ลายเส้นในการสักคิ้ว 3 มิติที่สวยงาม เข็มที่ใช้จะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป
ในส่วนของหมึกที่ใช้สำหรับสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่านั้น จะต้องมีมาตราฐานดังต่อนี้
1.สีสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่าใช้ทุกชนิดจะต้องไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและผ่านการทดสอบความปลอดภัย จาก Derma test
2.ภาชนะที่ใช้สำหรับใส่สีในระหว่างการสักคิ้ว 3 มิติจะต้อง แบ่งเป็นสัดส่วนและสะอาดผ่านการฆ่าเชื้อ ที่สำคัญเพื่อสุขลักษณะที่ถูกต้อง สีจะต้องไม่กระเด็นออกจากภาชนะที่ใส่หรือเปื้อนไปรอบๆ บริเวณที่ทำงาน
3.สีสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่าเป็นสีที่นำเข้าจากยุโรปและเป็นสีที่ไม่ก่อให้เกิดการสะสมหรือตกค้างในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นสีที่ปราศจากโลหะหนัก และปลอดภัยต่อร่างกาย
ไม่ใช่สีอะไรก็ได้ เราทดสอบทุกสี เพื่อความมั่นใจการสักคิ้ว 3 มิติ
นอกจากความเชียวชาญความชำนาญในการสักคิ้ว 3 มิติแล้ว อีกสิ่งนึงที่เอดีน่าไม่สามารถมองข้ามได้คือคุณภาพของสีที่ใช้ในการสักคิ้ว 3 มิติ ในการเลือกสีสักคิ้ว 3 มิตินั้น ผู้รับบริการไม่สามารถตรวจเช็คเองได้ว่ามาตรฐานของหมึกสีในการสักคิ้ว 3 มิติที่แต่ละสถานบริการเลือกใช้มีความปลอดภัยหรือไม่ เพราะแม้ว่าการเทสเบื้องต้นด้วยการป้ายที่หลังหูจะสามารถทดสอบอาการแพ้ได้ก็จริง แต่ก็เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้รับรองผลความปลอดภัย 100% ความปลอดภัยนั้น จึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความซื่อสัตย์ ที่มีต่อผู้บริโภคของแต่ละสถานบริการ สำหรับเอดีน่าซึ่งเป็นสถานบริการที่มีประสบการณ์การในสักคิ้ว 3 มิติมาเป็นเวลานาน เราสามารถรับรองได้ว่าการให้บริการสักคิ้ว 3 มิติที่เอดีน่านั้นมีความปลอดภัย 100%
ผลงานคิ้วลายเส้น 3 มิติของเอดีน่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
เชื่อมั่นในความปลอดภัยกับเอดิน่า เพราะเรามีหลักเกณฑ์การควบคุมการติดเชื้อเมื่อรับบริการสักคิ้ว 3 มิติ
1.เข็มสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่าต้องปลอดเชื้อ โดยจะต้องใช้เข็มหนึ่งอันครั้งเดียวต่อลูกค้าหนึ่งท่านเท่านั้น
2.สำหรับสีที่เหลือจากการสักคิ้ว 3 มิติ เอดีน่าจะไม่นำไปใช้กับลูกค้าคนใหม่เด็ดขาด จะต้องทิ้งสีที่เหลือทุกครั้ง และแบ่งสีใหม่สำหรับลูกค้าท่านอื่นต่อไป
3.ห้ามผู้ให้บริการทดสอบสีหมึกบนผิวหนังของตนเองเด็ดขาด ในกรณีที่จะผสมสีให้ลูกค้าดู ให้ผสมสีในภาชนะเท่านั้น
4.พนักงานผู้ให้บริการทุกคนจะไม่นำเครื่องมือที่ใช้สำหรับสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่า ไปสัมผัสกับบริเวณรอบๆ หรือวัสดุสิ่งของต่างๆ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่พนักงานจะเก็บถาดไว้ในที่ปลอดเชื้อก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจอื่นๆ
5.สีที่เหลือหรือค้างบนผิวหนังจากการสักคิ้ว 3 มิติ พนักงานของเอดีน่าจะใช้สำลีสะอาดปลอดเชื้อค่อยๆ เช็ดและซับออกจากผิวหนังของลูกค้า
เตรียมความพร้อมต้อนรับคิ้วเป๊ะ
1.ก่อนสักคิ้ว 3 มิติควรตรวจสอบผิวก่อนว่ามีแผลเปิด ผิวเป็นผื่นบวมแดง หรืออาการผิดปกติของผิวหนังหรือไม่ หากพบความผิดปกติจะไม่สามารถสักคิ้ว 3 มิติได้
2.พนักงานผู้ทำการสักคิ้ว 3 มิติจะดำเนินการฆ่าเชื้อบนผิวหนังด้วย Alcohol 70% ทุกครั้งก่อนการเริ่มสักคิ้ว 3 มิติ
3.หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนการสักคิ้ว 3 มิติแล้ว อุปกรณ์มีคมจะต้องถูกเก็บในภาชนะมิดชิด และเอดีน่าจะดำเนินการทำลายอย่างถูกต้องตามหลักสุขลักษณะที่ดี
มั่นใจได้กับพนักงานของเอดีน่า
1.พนักงานสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่า จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับวุฒิการศึกษาเกี่ยวข้องกับทางการแพทย์เท่านั้น และผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานตามโรงพยาบาล หรือคลินิกต่างๆ
2.พนักงานออกแบบคิ้ว 3 มิติของเอดีน่า จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับวุฒิการศึกษาจากคณะศิลปกรรม จิตรกรรม หรือภาควิชาที่เกี่ยวกับการออกแบบศิลปะเท่านั้น
3.พนักงานต้องมีความรู้พื้นฐานด้าน Blood Borne Pathogen และ Hygiene Care เพื่อนำมาปรับใช้กับงานสักคิ้ว 3 มิติ
4.พนักงานทุกคนของเอดีน่าต้องมีสุขลักษณะที่ดี
เรื่องสุขลักษณะและความปลอดภัยไว้ใจเอดีน่าได้
1.ใช้อุปกรณ์สักคิ้ว 3 มิติที่ได้มาตรฐานของทางเอดีน่าเท่านั้น
2.อุปกรณ์สักคิ้ว 3 มิติควรถูกประกอบพร้อมใช้งานและผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง
3.อุปกรณ์ที่สัมผัสกับผิวหนังให้ใช้ครั้งเดียวและเมื่อใช้เสร็จจะทิ้งในภาชนะที่จัดเตรียมไว้ให้
4.ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณสถานที่สักคิ้ว 3 มิติเสมอ
5.เอดีน่าจัดเก็บอุปกรณ์ในการสักคิ้ว 3 มิติในที่สะอาดเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
แค่คิ้วสวยยังไม่พอ แต่เราเข้าใจลึกซึ้ง
สำหรับเอดีน่าแล้ว เราให้ความสำคัญในทุกๆ รายละเอียดเกี่ยวกับการสักคิ้ว 3 มิติ เราจึงได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของการสักคิ้ว 3 มิติ ตั้งแต่ในอดีตและนำมาปรับใช้กับยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ เหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เอดีน่าได้ทำความเข้าใจประวัติความเป็นมาของการสักคิ้ว 3 มิติและเครื่องสำอางในอดีตมาเป็นอย่างดี ดังนี้
คำว่า “tattoo” เริ่มต้นจากการถูกบันทึกในเอกสารในปี 1769 ของภาษา Polynesian จากสมุดบันทึกของ Mr.Captain James Cook โดยที่บันทึกเรื่องกะลาสีเรือได้รับการสักบนตัวเป็นคนแรก บนเกาะของ Polynesian หลังจากนั้นการสักก็ได้แพร่หลาย และเป็นที่นิยมไปตามเมืองต่างๆ ของยุโรป ในส่วนของการสักตามร่างกายมีมาตั้งแต่สมัยยุคหิน 3500 ปีก่อนคริสตศักราช ถูกค้นพบในมัมมี่ และพบว่าแพร่หลายมากในยุคอียิปต์โบราณ นอกจากนี้ทางฝั่งเอเชีย การสักถูกค้นพบในจีน 1000 ปี ก่อนปีคริสตศักราช มักนำไปใช้เพื่อความสวยงามตามร่างกาย เกี่ยวกับศาสนา และบ่งชี้สถานภาพของสังคมนั้นๆ
1.ยุคอียิปต์โบราณ
(หรือยุคก่อนคริสตกาลราว 3,500 ปี) : ชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่รู้จักคิดค้นและผลิตเครื่องสำอางโดยมีการเผาเครื่องหอมหรือกำยาน รวมถึงใช้เครื่องเทศ สมุนไพรและน้ำมันต่างๆ สำหรับคงสภาพของศพ นอกจากนี้ยังค้นพบผงการทำอายแชโดว์จากถ่านสำหรับทาเปลือกตาที่เรียกว่า Kohl รวมถึงนำมาใช้ทำดินสอเขียนคิ้วและเขียนขอบตาด้วย ส่วนการสักนิยมใช้สักเพื่อบ่งบอกสถาณภาพชนชั้นของผู้หญิง ใช้เพื่อศาสนา และใช้เพื่อทำการรักษาในสมัยนั้น ซึ่งยังไม่พบหลักฐานหรือข้อมูลการสักเพื่อความสวยงามในสมัยนั้น
2.ยุคโรมัน
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อพระนางคลีโอพัตราที่ 7 (Cleopatra VII) ผู้รู้จักการเสริมสวยจนเป็นที่ดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น พระนางยังเป็นผู้คิดค้นเครื่องสำอางหลายประเภท โดยเฉพาะแป้งผัดหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติบริสุทธิ์ ปราศจากการปรุงแต่ง แต่หากเป็นเรื่องการสัก สักเพียงเพื่อความสวยงามตามร่างกายของพระนางเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลค้นพบใดๆ
3.ยุคมืด
เป็นยุคที่อาณาจักรโรมันเสื่อมอำนาจ แต่ตรงข้ามกับประเทศในโลกตะวันออกที่มีความเจริญก้าวหน้าทางศิลปะ โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งได้ติดต่อค้าขายกับประเทศทางยุโรปผ่านทางเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีการซื้อขายสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องเทศ ผ้า รวมทั้งเครื่องสำอางซึ่งเครื่องสำอางที่ได้ ยังคงมาจากการนำธรรมชาติมาใช้ แต่อาจปรับปรุงให้บรรจุภัณฑ์ดูดีขึ้น
4.ยุคอิสลาม
บุคคลที่มีความสำคัญต่อวงการเครื่องสำอางได้แก่ อิบน์ ซีนา (IbnSina) ผู้ค้นพบวิธีการกลั่นน้ำหอมจากดอกกุหลาบ (Rose Water)และ อาบู มอนเซอ มูวาฟแฟส (Abu MonsurMuwaffax) ผู้ค้นพบความเป็นพิษของทองแดงและตะกั่วในเครื่องสำอาง และยังค้นพบว่าสามารถใช้แคลเซียมออกไซด์ (CaO) ในการกำจัดขนเป็นคนแรก นอกจากนี้ยังมีอูมาร์ อิบน์ อัล-อาดิม (UmarIbn Al-Adim) นักประวัติศาสตร์และครูชาวซีเรียที่เขียนคู่มือเกี่ยวกับการทำน้ำหอมไว้มากมาย โดยยุคนี้ถือเป็นยุคแรกที่ได้นำธรรมชาติมาปรุงแต่งจนเกิดเป็นสุคนธบำบัด หรือ Aromatherapy สำหรับการสักตามร่างกายต่างๆ นิกาย Sunni เชื่อว่าเป็นบาปต่อพระเจ้า เพราะได้ทำการเปลี่ยนแปลงร่างกายจากสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาให้ จึงถูกห้ามให้สัก แต่สำหรับนิกาย Shia ไม่ถูกห้าม เพราะเชื่อว่าการสักสีสักอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งไม่ได้เป็นการปรับเปลี่ยนร่างกาย
5.ยุคยุโรปเริ่มเฟื่องฟู (คริสต์ศตวรรษที่ 9-10)
เป็นยุคที่มีการเผยแพร่ศาสนาคริสต์เข้าสู่ประเทศต่างๆ ในยุโรปและได้มีการเผยแพร่อารยธรรมและวัฒนธรรมเข้าไป โดยถือว่ากรุงโรมเป็นศูนย์กลางที่ได้รับการเผยแพร่อารยธรรมและวัฒนธรรม
6.ยุคยุโรปก้าวหน้า (คริสต์ศตวรรษที่ 10-16)
เป็นยุคที่ชาวยุโรปเริ่มแสวงหาความรู้ทุกสาขาวิชา จึงได้มีการเปิดโรงเรียนสอนวิทยาการทางการแพทย์และเภสัชกรรม โดยตั้งโรงเรียนที่เมืองซาลาโน (Salarno) รวมถึงเปิดมหาวิทยาลัยที่เมืองเนเปิลส์ (University of Naples) และมหาวิทยาลัยแห่งโบโลญา (University of Bologna) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการรักษาโดยการทำศัลยกรรมเป็นแห่งแรกและมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง เนื่องจากในยุคนี้เป็นยุคที่ชาวยุโรปมีความรู้ในการผลิตน้ำหอมจากพืชและสัตว์บางชนิดและสามารถทำรูจ (Rouge) สำหรับทาแก้มจากดินสีแดงที่เรียกว่า ซินนาบาร์ (Cinnabar) ซึ่งมีไอรอนออกไซด์เป็นองค์ประกอบ ทาแป้งทาหน้าจากเลดคาร์บอเนต (Lead Carbonate) และรู้จักการทำน้ำมันแต่งผมจากน้ำมันพืชและน้ำมันดินจากธรรมชาติ
ทั้งนี้การใช้สีในเครื่องสำอางตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1.เครื่องสำอางที่ไม่ได้ใช้แต่งสีของผิว
คือเครื่องสำอางที่ใช้สำหรับการทำความสะอาดผิวหนัง หรือใช้เพื่อป้องกันผิวหนังไม่ให้เกิดอันตรายจากสิ่งแวดล้อม เช่น สบู่, แชมพู, ครีมล้างหน้า, ครีมกันผิวแตก, น้ำยาช่วยกระชับผิวให้ตึง เป็นต้น โดยอาจจะใส่สีเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้สีสวยน่าใช้
2.เครื่องสำอางที่ใช้แต่งสีผิว
คือเครื่องสำอางที่ใใช้สำหรับการแต่งสีผิวให้มีสีสดสวยขึ้นจากผิวธรรมชาติ เช่น แป้งแต่งผิวหน้า ลิปสติก เป็นต้น ซึ่งในการผลิตนั้น ต้องนำแม่สีมาผสมเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เช่นเดียวกับการใช้สีในการสักคิ้ว 3 มิติที่จะต้องผสมสีให้เหมาะกับสีผิวของแต่ละคนก่อน โดยในการผสมจะต้องยึดสีคิ้วเดิมของผู้รับบริการการสักคิ้ว 3 มิติว่ามีสีอย่างไร หลังจากนั้นผสมสีให้ใกล้เคียงกับสีคิ้วเดิมที่สุด
ทั้งนี้สีที่ออกมาในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการสักคิ้วจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับการสักคิ้ว 3 มิติด้วยว่าต้องการให้สีเข้มหรืออ่อนกว่าสีเดิม ฉะนั้นสูตรของการทำสีในการสักคิ้ว 3 มิติจึงไม่เหมือนสูตรการทำสีเครื่องสำอางทั่วไป
สีที่ใช้ในการสักคิ้ว 3 มิติของแต่ละคนจะต้องมีการกลั่นกรองทั้งเฉดสีและการผสมจนกลายมาเป็นสีเฉพาะที่เหมาะสมของคนๆ นั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นสีประเภทไหน สิ่งสำคัญคือจะต้องเป็นสีที่ได้รับการแบ่งตาม FDA (Food &; Drug Association) ประเทศสหรัฐอเมริกาเสมอ ซึ่งแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
• FD&;C หมายถึง สีที่ใช้ได้ปลอดภัยทั้งในอาหาร ยาและเครื่องสำอาง
• D&;C หมายถึง สีที่ใช้ได้ปลอดภัยเฉพาะยาและเครื่องสำอาง
• Ext. D&;C หมายถึง สีที่ใช้ได้ปลอดภัยเฉพาะภายนอกในยาและเครื่องสำอาง
ทั้งนี้ประเภทของสีที่ใช้ในเครื่องสำอาง ยังแบ่งได้ดังต่อไปนี้
1.สีที่แบ่งตามแหล่งที่มา ได้แก่
• สีที่ได้จากธรรมชาติ
• สีที่สังเคราะห์ขึ้นมา
2.สีที่แบ่งตามความสามารถในการละลาย ได้แก่
2.1.The Soluble Dyes คือสีที่สามารถละลายได้ในแอลกอฮอล์, น้ำหรือน้ำมัน แบ่งเป็น
• Natural Soluble Dyes
เป็นสีที่ได้จากธรรมชาติแท้ๆ ปัจจุบันใช้น้อยลงมากเพราะมีราคาแพงและไม่ทนทานต่อแสง ทั้งยังให้สีอ่อนกว่าสีสังเคราะห์ สีชนิดนี้ได้จากเปลือกไม้หรือตัวแมลง รวมทั้งคลอโรฟิลล์ในใบไม้ ทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้น้อยกว่าสีสังเคราะห์
• Synthetic Soluble Dyes
นิยมเรียกสีในกลุ่มนี้ว่า ‘Aniline’หรือ ‘Coal Tar’เนื่องจากสีส่วนใหญ่สังเคราะห์จากถ่าน จึงค่อนข้างปลอดภัยและยังใช้ในการทำยาแก้ท้องเสียด้วย
2.2.The Insoluble Pigments และ Lacquers ที่ไม่ละลายในตัวทำละลายใดๆ แบ่งเป็น
• Natural Pigments
สีชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายใดๆ เพราะได้จากแร่ธาตุต่างๆ นำมาบด เช่น Aluminium Silicate, Iron Oxideจึงไม่ละลายในน้ำ แต่จะเกิดเป็นอานุภาคเล็กๆ แขวนลอยอยู่ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ว่าจะนำมาผสมอย่างไรเพื่อให้อนุภาคต่างๆ กระจายทั่วและไม่ตกตะกอน
• Synthetic Pigment
สีสังเคราะห์ขึ้นแทนกลุ่ม Natural Pigment มีเฉดสีมากขึ้น สามารถสกัดได้ทันทีว่าต้องการสีใด เช่นสีขาวสกัดจากZinc oxide, Titanium dioxide และ Bismuth carbonate เป็นต้น ส่วน Bismuth Oxychloride จะใช้กับสีที่ต้องการให้เกิดเป็นเยื้อมุกสามารถใช้ได้นานๆ เพราะไม่สะสมในร่างกาย
• Natural and Synthetic Lakes
สีประเภทนี้เตรียมได้โดยการตกตะกอนสีที่ละลายน้ำบนสารที่ไม่ละลายน้ำจึงได้เป็นสีที่ไม่ละลายน้ำ, น้ำมันหรือตัวทำละลายอื่นๆ ส่วน Lakes ที่ใช้ในปัจจุบันมักเตรียมจากสีสังเคราะห์
สำหรับสีที่ใช้ในการสักคิ้ว 3 มิติของเอดีน่านั้นจะประกอบไปด้วยสีที่เป็น
1.Pigment
เป็นส่วนที่ทำให้เกิดสีและเฉดสีต่างๆ ซึ่งสีที่ดีจะต้องลบออกง่ายและมีโอกาศเกิดการแพ้ได้น้อยที่สุด
2.Solvents
เป็นส่วนนำสีเข้าสู่ผิว เช่น Alcohol หรือน้ำ
3.Additives
คือสารกันเสีย, สารปรับความหนืด ในส่วนนี้จะเป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวไม่เกิดการติดเชื้อจากผลิตภัณฑ์
4.Coating Agent
เป็นส่วนที่ทำให้ได้คุณสมบัติสีคิ้วตามที่ต้องการและเป็นการปรับเฉดสีคิ้วละมุนขึ้น ทำให้สีที่ได้ดูจะเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
ทั้งนี้ไม่ว่าจะสักคิ้วแบบ 2 มิติหรือสักคิ้ว 3 มิติก็ตามผู้รับบริการสักคิ้ว ควรเลือกสถานบริการที่ไว้ใจได้ และควรศึกษาเรื่องความปลอดภัย ของสีหมึก เข็มที่ใช้ ตลอดจนความรู้ความเชียวชาญของผู้ให้บริการเป็นประเด็นสำคัญ