ค้นหาศาสตร์รูปแบบทรงคิ้วในอดีตเพื่อมองอนาคต

ค้นหาศาสตร์รูปแบบทรงคิ้วในอดีตเพื่อมองอนาคต
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

“ออกจากบ้านไม่ได้ ถ้าไม่มีคิ้ว” คุณเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าคะ?

ในยุคนี้หลายคนให้ความสำคัญกับคิ้วมาก คงจะเป็นจริงอย่างนั้น เพราะเราไม่สามารถเป็นควีนได้ถ้าขาดมงกุฎ จริงมั้ยล่ะคะ แล้วคิ้วก็ได้ชื่อว่าเป็นมงกุฎของหน้า คงไม่มั่นใจเลยถ้ามันไม่เพอร์เฟ็คตามที่เราต้องการ ซึ่งไม่ใช่แค่ยุคนี้หรอกค่ะ เพราะผู้หญิงให้ความสำคัญเรื่องคิ้วมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนแล้ว

ความรักสวยรักงามเปรียบเสมือนเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงก็เป็นได้ การแต่งหน้าก้เป็นการแสดงออกถึงความงามอย่างหนึ่ง ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงคลีโอพัตรา ยุคนั้นนิยมเขียนตาเข้มๆ รวมถึงเขียนคิ้วให้ดำปี๋ แสดงถึงเอกลักษณ์ความงาม ณ ตอนนั้น ซึ่งถือเป็นยุคบุกเบิกของการแต่งหน้า รวมไปถึงการเขียนคิ้วด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะพาทุกคนเดินทางค้นหาเรื่องราวของคิ้วตลอดศตวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและกระแสของการแต่งคิ้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงและกระแสของการแต่งคิ้ว

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1910s คิ้วเต็มทุกส่วน

ในยุคนี้เป็นยุคที่เพิ่งมีดินสอเพื่อเขียนคิ้วโดยเฉพาะ ผู้หญิงจึงนิยมเขียนแบบทับคิ้วธรรมชาติของตัวเองไปเลย โดยเน้นทุกส่วนให้เข้มเท่ากันเพื่อความชัดเจนและเรียบร้อย

• ยุค 1920s คิ้วทรงตรงแบบบาง

ในยุคนี้เป็นยุค Gatsby ผู้หญิงนิยมเขียนคิ้วแบบทรงตรง แต่ทำให้บางเป็นเส้นเดียว

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1930s คิ้วโก่งเกินจริง

ในยุคนี้ยังนิยมแบบบางเป็นเส้นเดียวเหมือนกับยุค 20s ต่างกันตรงที่จะเขียนให้โค้งเกินจริง บางคนถึงกับต้องโดกนขนคิ้วออกเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1940s ทรงโค้งธรรมชาติ

ในยุคนี้อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หญิงใส่ใจเรื่องความสวยกันน้อยลง จึงปล่อยให้คิ้วไปตามธรรมชาติ คิ้วจึงมีความหนาแต่ก็ยังคงเขียนให้โค้งเพื่อมีความชัดขึ้นเวลาออกนอกบ้าน

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1950s คิ้วเข้มแบบหักมุม

สาวๆ ในยุคนี้จะเขียนคิ้วตามไอดอล Hollywood โดยมักจะเขียนคิ้วให้เข้ม แต่หักมุมอย่างชัดเจน คือส่วนหัวคิ้วจะหนา แต่ให้ปลายคิ้วดูแหลม ซึ่งถือได้ว่าเป็นยุคทองของคิ้ว เพราะเป็นยุคที่ผู้หญิงกลับมาดูแลตัวเอง เน้นความสวยแบบหยาดเยิ้ม

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1960s คิ้วโก่ง คิ้วบาง

ยุค Twiggy มีอิทธิพลในการแต่งคิ้วแบบแปลกตาไปจากยุค 50s เนื่องจากเป็นยุคที่มีความสนุกสนาน สาวๆ มักหันมากันคิ้วให้โก่งจนเหลือรูปคิ้วแบบบาง แล้วจึงใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนทับลงไป จนเกิดเป็นความแปลกใหม่ของคิ้วขึ้นมา

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1970s คิ้วธรรมชาติดูกลมมน

ในยุคฮิปปี้ที่ใครๆ ก็ในความธรรมชาติ สาวๆ ในยุคนั้นจึงไม่เสริมเติมแต่งคิ้วให้มากความ เน้นความเป็นธรรมชาติ แต่ยังมีการเขียนหัวคิ้วให้หนากลมมน เพื่อความชัดเจน

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1980s คิ้วธรรมชาติที่สุด

นี่คือยุคที่สาวๆ แทบไม่กันคิ้วเลยแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้ขนคิ้วขึ้นตามรูปทรงธรรมชาติของตัวเอง อาจจะมีปัดคิ้วบ้างเพื่อให้ดูเข้ารูปแค่นั้น

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 1990s คิ้วบางธรรมชาติ

ยุคนี้แอบพลิกผันจากยุค 80s ตรงที่สาวๆ หันมาแว๊กขน กันคิ้ว ไม่นิยมคิ้วหนา แต่ก็ไม่โก่งมากแบบยุคเก่า จะเน้นกันคิ้วให้โก่งตามทรงคิ้วของตัวเอง

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

• ยุค 2000s ถึง ปัจจุบัน คิ้วธรรมชาติหลากหลายรูปทรง

เทรนด์คิ้วในยุคนี้ยังได้รับอิทธิพลจากยุคก่อนในความเป็นธรรมชาติ แต่จะหนาขึ้นกว่ายุค 90s นิดหน่อย โดยเน้นไปที่การปรับแต่งให้เข้ากับรูปหน้ามากกว่า ซึ่งปัจจุบันมีทรงคิ้วที่หลากหลายทั้งโค้ง หนาเข้ม หรือทรงตรงแบบเกาหลี สาวๆ จึงสามารถเลือกเขียนคิ้วได้หลายแบบที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ทรงคิ้วเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่สังเกตได้ว่าใช้เวลานานหลายปีจะเปลี่ยนรูปทรง แต่สุดท้ายรูปทรงก็ไม่ได้แตกต่างและหายไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเข้มก็กลับไปบาง บางก็กลับไปหนา จากคิ้วทรงโก่งก็วกลับมาหาคิ้วทรงตรง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมีคิ้วที่ถูกต้องตามเทรนด์เสมอไป ดังนั้น จึงเกิดธุรกิจการสักคิ้วขึ้นมา เพื่อปรับแต่งทรงคิ้วให้ได้รูปตามที่คนต้องการ

จุดเริ่มต้นของการสักคิ้ว

ถ้าพูดถึงการ “สัก” ก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณไม่แพ้จุดเริ่มต้นของการแต่งหน้า ถูกค้นพบตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ นิยมสักเพื่อบอกสถานภาพชนชั้นของผู้หญิง ทางฝั่งเอเชียแถบบ้านเรา จีนและญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานก็ถูกค้นพบว่ามีการสักเกิดขึ้น ส่วนใหญ่สักเพื่อบ่งบอกสถานะ ซึ่งมักเกิดขึ้นในนักโทษ เพื่อเป็นการตีตราความผิดนั่นเอง สังเกตได้ว่าการสักในสมัยก่อนไม่ได้สักเพื่อความสวยงามอย่างยุคปัจจุบันที่เปิดกว้างเรื่องของการสักมากขึ้น การสักกลายเป็นงานศิลปะสำหรับคนยุคใหม่ และบางคนก็เลือกสักเพื่อความสวยงามอย่างการสักคิ้วเป็นต้น

ไม่ใช่แค่เรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นอิทธิพลในการสัก ความทันสมัยก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่คนหันมานิยมสักกันมากขึ้น ด้วยเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นตามลำดับ ทำให้เทคโนโลยีที่ใช้ในการสักมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย เพราะการสักสมัยก่อนนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายแล้ว ยังสร้างความเจ็บปวดทางใจด้วย เนื่องจากรูปทรงหรือสีอาจไม่ได้ออกมาอย่างที่ต้องการ แต่หลังจากช่วงยุค ยุค 80s อุปกรณ์ เข็ม หรือสี ที่ใช้สำหรับการสักหรือเพ้นท์คิ้วได้รับการพัฒนาขึ้น ปลอดภัยและแม่นยำขึ้น ผู้หญิงจึงเริ่มนิยมหันมาสักคิ้ว โดยสมัยนั้นมักสักคิ้วเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของคิ้วธรรมชาติ ต่างจากสมัยนี้ที่มักเข้ามาเพ้นท์คิ้วเพื่อแก้ไขรอยสักเดิมที่ไปทำมาแล้วไม่สวย เข้มไป หรือโก่งไป เป็นต้น

การสักคิ้วหรือเพ้นท์คิ้วในปัจจุบันถึงอนาคต

ปัจจุบันเป็นยุคสมัยที่การสักเข้าถึงทุกคนได้อย่างง่ายดาย อย่างการสักคิ้วหรือเพ้นท์คิ้วสามารถทำได้ในราคาแค่ไม่กี่พันบาท ทำให้หลายคนหันไปสักคิ้วกันมากขึ้น แต่บางครั้งก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเมื่อเลือกทำคิ้วในที่ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ตรงและมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ เราจึงมองว่า การสักคิ้วหรือเพ้นท์คิ้วนั้น ต้องเลือกทรงคิ้วที่เข้ากับทรงหน้า เลือกสีที่แสดงออกถึงสไตล์ของตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเรา ซึ่งไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องเทรนด์ เพราะสำหรับสมัยนี้ หลายคนตามเทรนด์ แต่เทรนด์นั้นต้องเป็นกระแสที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงได้ถึงจะเข้าไปเป็น่สวนหนึ่งกับกระแสนั้น การสักคิ้วหรือเพ้นท์คิ้วก็ไม่ต่างกัน และในอนาคต หากคุณย้อนกลับไปอ่านประวัติศาสตร์ของทรงคิ้ว คุณจะเห็นได้ว่ายุคนี้มีจุดต่างจากยุคอื่นตรงที่มีทรงคิ้วที่หลากหลาย ไม่ได้ยึดตามหลักทรงคิ้วใดทรงคิ้วหนึ่ง เพราะยุคนี้เรารู้แล้วว่า ความสวยสำหรับผู้หญิงไม่ได้ถูกจำกัดให้เป็นแบบใดแบบหนึ่ง แต่ละคนมีความสวยงามเฉพาะของตัวเอง แค่มั่นใจและภูมิใจในตัวของตัวเอง

รูปแบบทรงคิ้ว

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สำหรับสาวๆ ที่สนใจทำคิ้ว 3 มิติ นอกจากจะต้องรู้จักสไตล์ของตัวเองแล้ว ควรต้องศึกษาสถานที่ที่น่าเชื่อถือ ลองเข้าไปศึกษาพูดคุย อย่างน้อยก็เพื่อความมั่นใจในเบื้องต้นว่าคุณจะได้มีคิ้วสวยงามอย่างที่ใจต้องการ เอดีน่าพร้อมให้คำแนะนำปรึกษา

ส่วนสาวๆ ท่านไหนที่สนใจ
อยากลองไปปรึกษาขอคําแนะนําก็สามารถเข้าไปสอบถามเพิ่มเติมที่..
www.facebook.com/3d.eyebrows.Adenaa
หรือ www.adenaa.com ค่ะ

สถานที่ให้บริการ
982/22 อาคารศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย
ชั้น 5 โซนสํานักงาน
ห้องเลขที่ 5110 ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โns: 093-365-0700, 086-334-5632
อีเมล์ : info@adenaa.com
เวลาทําการ : ทุกวัน 10.00 – 20.30 น.